DOWNLOAD DRIVER NOTEBOOK

------------------------------------------------------------------------------------------

Sunday, May 2, 2010

เทคนิคการชาร์ทแบตเตอรี่โน๊ตบุค






เทคนิคการชาร์ทแบตเตอรี่โน๊ตบุค
ท่านที่ใช้งาน คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คเป็นประจำ หรือมีใช้งานบ้าง หรือแม้แต่การใช้งานในกลุ่มอื่นๆ ของ แบตเตอรี่อย่าง Lithium-ion เช่น Ipod เป็นต้น มักจะมีคำแนะนำต่างๆ ที่ได้รับรู้มาบ้าง เป็นต้นว่า ควรใช้ให้แบตเตอรี่เกือบหมดจึงค่อยชาร์ต หรือ อย่าให้ประจุหมดเสียทีเดียวจึงจะชาร์ต มาบ้าง แต่คราวนี้ลองมาดูรายละเอียดแบบจริงๆ จังๆ กันบ้างครับ

สำหรับแบตเตอรี่ในกลุ่มของ Lithium-ion ส่วนมากแล้วจะพบได้เยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้ง Notebook เกือบทุกรุ่น (อาจจะยังมีบางรุ่น หรือรุ่นเก่าๆ ที่ยังเป็นNickel-based batteries) , ipod รุ่นต่างๆ , มือถือ หลายๆรุ่น จนถึง Iphone ที่เพิ่งจะวางตลาดใน US เป็นต้นครับ

ซึ่งการทำงานของแบตเตอรี่ในกลุ่มนี้ มักจะสามารถชาร์ตใช้งานกันได้ต่อเนื่องเลยทันที ไม่ต้องรอให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยง แต่อย่างใดครับ เพราะแบตเตอรี่ในกลุ่มนี้ นั้นจะนับรอบของการชาร์ต แต่ไม่ได้นับจำนวนครั้งในการชาร์ต

หลายท่านอาจจะงงว่า มันแตกต่าง กันอย่างไรระหว่างการนับจำนวนครั้งในการชาร์ต กับการนับรอบของการชาร์ต

โดยปรกติแล้ว แบตเตอรี่จะมีจำนวนครั้ง โดยเฉลี่ยในการใช้งานอยู่ระดับหนึ่ง แตกต่างกันไปแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น การนับจำนวนครั้งในการชาร์ตคือ สมมุติว่า เราใช้งานแบตเตอรี่ ไป 10% แล้วเราทำการเสียบชาร์ต นั่นคือ 1 ครั้งของการชาร์ตแบตเตอรี่

ส่วนจำนวนรอบชองการชาร์ตจะแตกต่างไปครับ คือ จะนับเมื่อการชาร์ต ครบ 100% (ดูภาพด้านล่างประกอบ)



battery notebook lithium-ion

เช่น วันนี้ เราใช้แบตเตอรี่ไป 40% แล้วชาร์ตจนเต็ม พรุ่งนี้ใช้ไปอีก 20% แล้วก็ชาร์ตอีก วันถัดไปใช้ไป 30% วันถัดไปใช้อีก 20% แล้วชาร์ต (ซึ่งนี่คือ ปรกติที่เรามักจะใช้ๆกันนั่นล่ะครับ)

1 รอบของการชาร์ต ก็จะถูกนับเมื่อครบ 100% นั่นคือ 40% (วันแรก) + 20% (วันที่ 2) + 30% (วันที่ 3) + 10% (ของวันที่ 4) ก็จะเท่ากับ 1 รอบครับ

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า จากตัวอย่าง เมื่อนับรอบแล้ว จะเท่ากับ 1 รอบ กับเศษอีก 10% (นับจำนวนรอบที่ครบ 100% เท่านั้น) แต่มีการชาร์ตทั้งหมด 4 ครั้ง ครับ

ซึ่งจะเห็นได้ว่า การชาร์ตที่แบตเตอรี่ เมื่อไหร่ ตอนไหน และกี่ครั้งก็ตาม สำหรับแบตเตอรี่ Lithium-ion แล้วจะไม่สนใจครับ เรียกว่า ชาร์ตได้ทุกครั้งที่ต้องการ ไม่ต้องรอให้หมดก่อนแล้วจึงค่อยชาร์ต

แล้วจะถนอมแบตเตอรี่อย่างไร หรือว่าไม่ต้อง

สำหรับการชาร์ตนั้น จะเห็นได้ว่า แบตเตอรี่ ในกลุ่มนี้ สามารถชาร์ตได้ทุกครั้งตามต้องการ นับเพียงจำนวนรอบที่ครบ 100% เท่านั้น การถนอมแบตเตอรี่จึงตกอยู่ที่การใช้งานเป็นหลักคือ

1. พยายามลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่เกินกำลัง ซึ่งแม้ว่า การแบตเตอรี่สำหรับอุปกรณ์แต่ละรุ่นจะถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานนั้นๆ แล้วก็ตาม แต่หากเราลดการใช้กำลังไฟ ที่ไม่จำเป็น ก็จะช่วยลดภาระของแบตเตอรี่ และช่วยยืดอายุการใช้งานได้ เช่น สำหรับ Notebook เมื่อไม่ได้ใช้งาน wireless lan, bluetooth ก็ควรปิด ไม่ควรเปิดไว้ เพราะว่าระบบเหล่านี้ ก็จะทำงานกินไฟไปเรื่อยๆ โดยไม่จำเป็น

2. พยายามถอดแบตเตอรี่ออกทุกครั้งที่มีการเสียบไฟบ้าน สำหรับในกรณีนี้ เป็นข้อแนะนำที่อาจจะดูกลางๆ หรือว่า ไม่จำเพาะเจอะจงว่าต้องทำ เนื่องจาก Notebook หลายๆ รุ่นจะมีระบบตัดไฟอยู่แล้วเมื่อพบว่า Battery เต็มอยู่ ก็จะปรับไปใช้งานระบบไฟบ้านเพียงอย่างเดียว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า Notebook ทุกรุ่นจะมี หรือสามารถทำได้ ยังมี Notebook อีกหลายรุ่นที่ไฟจะถูกดึงจาก battery เป็นหลัก แม้ว่าจะเสียบไฟบ้านก็ตาม

ซึ่งผลของมันคือ จะทำให้ Battery ทำงานอยู่ตลอดเวลาทั้งชาร์ตและจ่ายไฟในคราวเดียวกัน ส่งผลทำงานมากขึ้น เกิดความร้อน และทำให้ cell battery เสื่อมในที่สุดนั่นเอง

3.ควรเคลียร์ Cell Battery ทุกๆ สามสิบครั้งของการชาร์ต เนื่อง จากแบตเตอรี่ในกลุ่มนี้ จะนับจำนวนรอบและชาร์ตพลังเดิมได้ตลอด ทำให้หลายๆ ครั้งที่ ประจุ มีอาการเหมือนกับคั่งค้างอยู่ใน แบตเตอรี่ จนทำให้เจ้า Noteboook ของคุณแสดงปริมาณของไฟ ไม่ตรง ซึ่งสังเกตุได้จาก อาการที่ เครื่องปิดตัวเองเหมือนกับแบตเตอรี่อ่อน ทั้งๆ ที่เครื่องของคุณยังแสดงปริมาณเหลืออีกเกือบครึ่งเป็นต้น

นั่น หมายถึงว่า มีประจุคั่งค้างใน cell battery เสียแล้ว วิธีการแก้ไขคือ ทุกครั้งการชาร์ตไปแล้วประมาณ 30 ครั้ง ควรจะเปิดเครื่องใช้งานจนแบตหมดจริงๆ แล้วชาร์ตให้เต็มซักครั้ง ก็จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ หรืออาจจะใช้งานให้จนหมดซักสองถึงสามครั้งแล้วชาร์ตจนเต็ม

4. อย่าเก็บแบตเตอรี่ไว้ในที่ร้อน เพราะหลายท่านมักจะพกพาเอา Notebook ไปไหนมาไหนเสมอ มักจะทิ้งไว้ในรถยนต์ โดยท่านไปทำกิจธุระอื่นๆ ทั้งวัน

การทิ้งแบตเตอรี่ไว้ในรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้ หากจอดไว้ในที่ร่มคงไม่เป็นไร แต่ถ้าจอดไว้กลางแดดแล้วละก็จะทำให้ Cell battery ร้อน และเสื่อมสภาพเร็วกว่าปรกติครับ

5. อย่าเก็บแบตเตอรี่ไว้รวมกับสื่อนำไฟฟ้าอื่นๆ หรือในกล่องที่นำไฟฟ้าได้ เพราะหลายครั้งที่แบตเตอรี่เสียเนื่องมาจากเกิดการชาร์ตในระหว่างการเก็บ เช่น มีเศษเหรียญไปโดนบริเวณขั้วแบตเตอรี่ทั้งสองขั้ว เป็นต้น

6. เมื่อแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ และต้องการเปลี่ยน cell battery ภายใน ควรเลือกที่จะให้ทางศูนย์บริการเปลี่ยนให้ หรือซื้อจากศูนย์ฯ โดยตรง เพราะการเปลี่ยน cell batery ภายในนั้นหลายครั้งที่มีการใส่ cell ผิดแบบ ผิดประเภท จนทำให้เครื่องพังได้ครับ

7. อย่าลืมติดตามข่าวสารด้าน Technology จากเว็บไซต์ต่างๆ เช่น ล่าสุดเราจะได้ยินข่าวแบตเตอรี่โน้ตบุ๊ค ระเบิด ซึ่งทางบริษัทผู้ผลิต ก็ได้ทำการแจ้งข่าวสารผ่านทางหน้าเว็บไซตืของผู้ผลิตเอง เรียก Battery รุ่นที่มีปัญหากลับคืน เพื่อเปลี่ยนรุ่นใหม่ ให้เป็นต้น

ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้ยืดอายุการใช้งาน Battery และ Notebook ของคุณได้นานยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถนำไปวิธีนี้ไปใช้งานกับ Battery ในกลุ่มของ Lithium-ion ได้อีกด้วย

เครดิต http://content.mthai.com/view.php?pid=2&cate_id=64&content_id=10365&hash_id=1

No comments:

Post a Comment